วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์ 7 วัน 6 คืน ปี2555(วันที่ 3)

28 เมษายน2555
เมื่อคืน ตอนกลับไปถึงโรงแรม มีจดหมายบอกว่า "วันนี้จะมี Political party really. จะมีการปิดถนน ตั้งแต่ 8:00 - 15:00" ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็นึกในใจว่า พรรคการเมืองที่นี่ใหญ่ขนาดปิดถนนแรลลี่กันได้เลย

ตามแผนจะเดินทางไปดู Petronas twin Tower
จากนั้นเดินดูของที่ห้าง suria และสวนสาธารณะ รอบๆอาคาร
จากนั้นแวะไปกินอาหารมาเลย์ที่ กำปงบารู Kumpong Baru
หลังจากกินข้าวเสร็จ ไปขึ้น KL Tower แล้วต่อด้วยไปเดินชอปปิ้งที่ Bukit bintung

เช้าเราก็รีบออกจากโรงแรมกัน เห็นโรงแรมเอากระดาษมาปิดกระจกทุกบาน ไม่ให้เห็นอะไรข้างนอกเลย ผมก็นึกในใจว่า "นักการเมืองที่นี่ แค่จะขับรถผ่านยังไม่ให้ใครเห็น กลัวจะโดนลอบทำร้ายรึไง"
ก่อนจะเปิดประตูออกไปก็เลยถามพนักงานโรงแรมว่าทำไมเอากระดาษมาปิดขนาดนี้ พนักงานก็ตอบมาว่า "จะมีแรลลี่ผ่าน กลัวเห็นเลยเอากระดาษมาปิดเอาไว้"



ออกจากโรงแรม เห็นร้านที่ China town ปิดหมด เลยเปลี่ยนแผนไปกินข้าวเช้าที่ ห้าง Suria แทน
เดินทางด้วยรถไฟจาก Plaza Rakyat ไปสลับรถไฟที่ Masjit Jamek นั่งต่อไปที่ KLCC เป็นอันถึงใต้ดินห้าง Suria จากนั้นก็เดินเข้าไป เจอร้าน Cake ระหว่างทาง ก็ซื้อกินประทังชีวิตกันไปก่อน


 จากนั้น ขึ้นไปชั้น G เดินไปตรงกลางของห้าง เพื่อไปด้านหน้าของห้าง ก่อนที่จะลงไปซื้อตั้วขึ้นชมอาคาร Twin tower

แต่พอไปถึงปรากฏว่า ตั๋วเต็มไปจนถึง บ่ายโมงครึ่ง ผมคิดในใจว่า "อะไรกัน นี่ 10 โมงเช้าเอง เต็มไปละ แสดงว่าพวกมาเช้าคงซื้อตั๋วขึ้นตั้งแต่เมื่อวานละมั้ง" ราคาตั๋วอยู่ที่ 50 RM
ระหว่างตัดสินใจว่าจะขึ้นดี ไม่ขึ้นดี เลยว่าจะไปเดินเล่นรอบๆ ก่อนแล้วค่อยซื้อตั๋วอีกที

บนตั๋วมี QR code เอาไปไว้หน้าจอมันจะมี อะไรสนุกๆ ออกมาให้ดูด้วยนะครับ

พอออกมานอกห้างเจอ กลุ่มคนเสื้อเขียว และเสื้อเหลือง มาประท้วงนายกมาเลเซีย เต็มไปหมด ส่วนอีกด้านก็เป็นกำลัง ตำรวจกว่า 100 คน ยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่



ถ่ายรูปเล่นไปได้ซักพัก เห็นเสื้อเขียว เสื้อเหลืองเริ่มเยอะขึ้นๆ แม่ผมชักไม่ค่อยสบายใจ บอกให้ไปที่อื่นเลยดีกว่า


เจอขนมเมอแรง รสกุหลาบ ที่ร้าน Harrods อันโตมาก อร่อยดี

จึงออกเดินทางจาก KLCC ไปลงที่ Kumpong baru ไปหาข้าวเที่ยงกินกัน แล้วกะจะนั่งรถเมล์ต่อไปกินข้าวเที่ยงที่เชากิต Chowkit แต่พอมาถึงปรากฏว่า รถเมล์หยุดประท้วงกับเขาด้วย เป็นเวลา 1 วัน

แผนที่ รถเมล์ ติดอยู่ตรงบันไดทางขึ้น ค่านั่ง 1 RM เอง

เมื่อโชคไม่เข้าข้างก็เลยต้องกินข้าวที่ Kumpong baru แทน
เดินออกจาก สถานนีรถไฟใต้ดิน ให้เลี้ยวขวา ไปตามทางร่มรื่นๆ ประมาณ 100 เมตรจะเจอร้านอาหารพวกข้าวราดแกง เลือกดูตามความพอใจ หน้าตาอาหารคล้ายๆ ด้วยความหิว เจอร้านแรกก็เลยเดินตรงเข้าไปเลย




ระหว่างทางมีร้านกล้วยทอด มีของทอดขายมากมายหลายอย่าง


อันนี้อร่อยที่สุด เป็นเหมือนเค้กกล้วยหอม แต่เค้าใช้วิธี ทอดแทน 


ร้านข้าวราดแกงที่มาเลเซียนี้ จะให้ลูกค้าตักอาหารเอง โดยคิดตามอย่าง ว่าเลือกกี่อย่าง หลายอย่างก็แพง น้อยอย่างก็จะถูก แม้จะตักอย่างละหน่อยๆ ก็แพงกว่าอย่างเดียวเยอะๆ


กินเสร็จก็เดินเล่นซักหน่อย เจอซอยเล็กๆ เห็นเหมือนมีอาคารหน้าตาแปลกๆ พอเดินเข้าไปทำให้รู้สึกถึงกลิ่นไอของมาเลเซีย ยุคเก่า ท่ามกลางโลกยุคใหม่ แต่คงใกล้จะต้านทานไม่ไหว อีกไม่นาน ที่นี่คงกลายเป็น ตึกสูงตามที่อื่นๆ ไป

  




หลังจากนั้นเดินทางกลับมาที่โรงแรม เจอการประท้วงที่ มัสยิตจาเมะ

 กลับมาที่โรงแรม ที่ใกล้ๆ china town ก็ยังมีขบวนของผู้ประท้วงเดินมากันไม่ขาดสาย อดไม่ได้ขอไปถามซะหน่อยว่าประท้วงกันทำไม


คนที่นี่ เค้าจัดการประท้วง ปีละหน ประท้วงกันมา 3 ปี ละครับ
สังเกตที่ผ้าปิดจมูก มีเลข 3.0 หมายถึง ครั้งที่ 3
แต่เหมือนเค้ารู้ว่าจะมียิงแก๊สน้ำตา เตรียมที่ปิดจมูกมากันเลย

เสื้อเหลือง ประท้วง การเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมในมาเลเซีย ครั้งที่ 3 แล้วนะ

เสื้อเขียวประท้วง การเอากากนิวเคลีย จากออสเตเรีย มาทิ้งในมาเลเซีย


ก่อนกลับเข้าโรงแรม

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์ 7 วัน 6 คืน ปี2555(สองวันแรก)



เมื่อวันที่ 26 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2555 ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว กัวลาลัมเปอร์ มะละกา สิงคโปร์ กับพ่อแม่และน้อง พบว่าข้อมูลหลายอย่าง จากเวปที่ผม search ไปก่อนเดินทาง ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว  เช่น
- การเดินทางซึ่งนอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ยังมีรถเมล์ที่เร็ว และราคาถูกกว่า
- มาเลเซีย มีแผนที่สำหรับเดินเที่ยวแจกนักท่องเที่ยว
- การเดินทางโดยรถบัส จากมาเลย์ ไป สิงคโปร์ รถไม่ได้จอดที่ Lavender St. แล้ว แต่ไปจอดที่ City Plaza แทน
- ค่าเดินเข้า Universal Studio Singapore ได้ปรับราคาและเปลี่ยนโปรโมชั่นใหม่ จองผ่านเวปด้วยบัตร Master card คุ้มค่าที่สุด
- Taxi ในสิงคโปร์ก็ประหยัดกว่ารถไฟฟ้า ทั้งเงินและเวลา
- อาหารที่หลายเวปแนะนำ ไม่ได้อร่อยอย่างที่คิด ทั้งที่เห็นคนกินเยอะอยู่

ผมจึงตัดสินใจทำ Blog เกี่ยวกับประสบการณ์ในการท่องเที่ยวที่ผมเจอมาเพื่อ แบ่งปันให้แก่ผู้ที่สนใจจะเดินทาง แบบ เที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ (Trip by myself). 
ประเดิมเรื่องแรกด้วย กัวลาลัมเปอร์ มะละกา สิงคโปร์ ที่เดินทางจากเชียงใหม่ ไปกัวลาลัมเปอร์ แล้ว นั่งรถทัวร์ ไป มาละกา และ สิงคโปร์ จบด้วยการบินจาก สิงคโปร์กลับเชียงใหม่


26 เมษายน 2555
ออกเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ CNX ด้วยเที่ยวบิน AK817 เวลา 9:10 น. ไปถึง กัวลาลัมเปอร์ LCCT เวลาไทย 12:00 น. เวลาที่มาเลเซียต้อง +1 ชม เป็น 13:00 น. สำหรับใครที่ใช้ Smart phone จะปรับ time zone ให้ตาม location อัตโนมัติ


การเดินทางจาก LCCT เข้า กัวลาลัมเปอร์ มีสองวิธี คือ รถเมล์ และ รถไฟ ถ้าเดินออกมาจะเจอบูท ขายตั๋วอยู่ตรงซ้ายมือเลย



  1. รถเมล์ ราคาประมาณ 8-10
  2. RM จาก LCCT ตรงไป KL Sentral เลย คราวก่อนนั่งรถ Aero Bus สีเหลือง แอร์ไม่ค่อยเย็น
  3. รถไฟ
  4. KLIA transit ราคา 12.50 RM โดยนั่งรถเมล์จาก LCCT ไปที่ Salak Tinggi แล้วถึงจะนั่ง รถไฟ ความเร็วสูง เข้า KL Sentral โดยระหว่างทางจะผ่าน Putrajaya เมืองใหม่ที่สวยงาม และเป็นศูนย์ราชการ
 มีบูทแจกแผนที่อยู่ถัดจากที่ขายตั๋ว อย่าลืมหยิบแผนที่ไปด้วย




ผมเลือก  KLIA transit เพราะ จะแวะที่ Putrajaya ก่อน ตั๋วรถไฟ LCCT ไป Prutrajaya 5.50 RM และ Prutrajaya ไป KL Sentral 9.50 RM
ถึง Prutrajaya ออกมา ไม่มีที่ฝากกระเป๋านะครับ ต้องลากไปด้วย แนะนำว่า ถ้าใครกระเป๋าใหญ่แต่อยากเที่ยว ก็นั่งรถเมล์เที่ยวซักรอบ ดูเมือง Prutrajaya เอาก็ได้ครับ ค่ารถสุดสาย 1 RM เอง วิ่งเป็นวงกลม โดยออกจาก Prutrajaya Sentral แล้วก็กลับมาจอดที่ Prutrajaya Sentral เหมือนเดิม


ออกจากชานชลา Prutrajaya จะเจอเคาร์เตอร์สอบถาม เอาแผนที่แล้วเลี้ยวขวา ไป Prutrajaya Sentral.



ลงไปถ่ายรูปนิดหน่อย ที่หน้ามัสยิต และรัฐสภามาเลเซีย ใช้เวลารวมนั่งรถเมล์ 2 ชม. ก่อนขึ้นรถกลับมาที่ Prutrajaya Sentral ก่อนจะนั่ง รถไฟเข้า KL Sentral






ที่ KL Sentral ผมจะไปสถานี Plaza rakyat ก็ไปซื้อตั๋วของ Rapid KL สีแดง แล้วไปต่อสีเหลือง โดยสามารถซื้อตั๋วไปลงได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาซื้อ สองรอบ




เข้าที่พัก โรงแรม Citin Hotel, Pudu เอากระเป๋าไปเก็บแล้ว ออกมาทานอาหารที่ China town. เพราะโรงแรมที่พักอยู่ติดกับ China town หาของกินง่ายไม่แพง แล้วเดินทางสะดวก เพราะ ปูดูรายา เป็น ท่ารถสายเหนือของมาเลเซีย มีทั้งรถเมล์ และรถไฟ ใกล้ Central market, China town เดินเล่นได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถ.

China town ของกินแบบจีนๆ มากมายให้กิน ที่ขึ้นชื่อก็จะมี บักกุเต๋(ซี่โตรงต้มยาจีน แต่เหนียวมาก บ้านเราอร่อยกว่า) ข้าวอบหม้อดิน(เอาข้าวดิบมาหุงในหม้อดิน ไก่ ใส่หมูสามชั้น  พอดีร้านที่ผมกินข้าวยังแข็งกินเลยไม่ประทับใจ) สเตะไก่ เนื้อ แพะ 
หมี่ผัดต่างๆ เช่น หมี่โกเลง วันตันหมี่ ที่เหลือก็เป็นข้าวหมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง บะหมี่เกี้ยวกุ้ง ซาลาเปา บ๊ะจ่าง หมูแผ่น หมูหยอง อาหารตามสั่งแบบจีน บางร้านก็เป็นแบบไทย


ร้านนี้หลายเวปแนะนำ แต่กินกันแล้วเอาไปเลย สามคำ "ครั้งเดียวพอ"

ข้าวอบหม้อดิน ที่ข้าวไม่ค่อยสุก


บั๊กกุเต๋ ที่เหนียวเอาเรื่องทีเดียว


รถขายเบอร์เกอร์ห่อไข่ อร่อย ราคาไม่แพง 




เมนูติดโต๊ะเลย ชี้เอาเลย 

ร้านนี้ ข้าวมันหมูแดง หมูสามชั้น เป็นย่าง อร่อยกว่าข้าวอบหม้อดิน
มาแบบแยกข้าว แยกกับ เหมือนกันทุกร้าน


China town น่าจะเป็นไม่กี่ที่ ที่มีหมูให้กิน เพราะที่นี่ประเทศมุสลิม เค้าไม่กินหมูกัน


ของหวานก็มี ให้กินมากมาย ที่แปลกหน่อย ก็คือ ย่าเหล่า(อันนี้คล้ายๆ กะลอจี้บ้านเรา หลายเวปแนะนำ) ขนมเปี๊ย ขนมปังอบใส้ต่างๆ เต้าฮวย
ขนมย่าเหล่า


เต้าฮวยน้ำเชื่อมอุ่นๆ อร่อยมาก 
ไม่เหมือนเมืองไทยที่มีเต้าฮวยนิดเดียว


กาน้ำล้างมือ เพราะคนที่นี้ใช้มือกินเป็นส่วนใหญ่
อย่านึกว่าเป็นน้ำกิน เอาไปกินยุ่งเลยนะครับ


27 เมษายน 2555
ออกจากโรงแรมประมาณ 8 โมง ออกมากินข้าวเช้า ที่ร้านโจ๊กใน China town 
โจ๊กปลา จะแยกปลาสไลด์บางๆ เสริฟคู่กับโจ๊กร้อนๆ 
พอจะกินก็เอาปลาใส่ลงไปในข้าว เนื้อปลาบางๆ ก็จะสุกพอดี แล้วยังไม่เสียรสปลา

ร้านหมี่ข้างทาง คนกินเยอะมาก 
เวลาสั่ง เลือกเส้นก่อน แล้วมาเลือกกับ ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนกับ

Food court มีอาหารเยอะ สั่งร้านไหนก็ได้ 
แต่ถ้าจะนั่งกินข้างในต้องสั่งน้ำ ถ้าไม่สั่งน้ำ เค้าไม่ให้นั่ง เท่าที่เห็นเป็นเฉพาะที่ China town

ร้าน Kim Soya Bean เต้าฮวยร้านนี้อร่อยดี เห็นคนต่อคิวกินเยอะ

เถ้าแก่เค้าคล่องมาก ขายอยู่คนเดียวตักไปคุยไป 
หม้อใหญ่ๆ ที่เห็นเป็นหม้อเต้าฮวย ยังเต็มๆ อยู่เลย


พอกินข้าวเช้าเสร็จก็เดินไปวัดฮินดู ชื่อ Sri Maha Mariamman อยุ่ถนนถัดจากถนน China town ไปหนึ่งบล็อก
ไม่เสียค่าเข้า แต่ต้องถอดรองเท้าข้างนอก 
วัดมีคนดูแลรองเท้าให้ ไม่คิดค่าฝาก ให้บริจาคตามจิตรศัทธา

ตรงข้ามกันเป็นวัด เทพเจ้ากวนอู


กลังจากไหว้เทพเจ้าไปสองศาสนา ก็ได้เวลาเดินดูของฝาก central market 

เดินจนทะลุมาด้านหลัง เจอ Lebuh Pasar Bersar หรือ ตลาดเก่า จะเห็นหอนาฬิกาเล็กๆ และตึกสีทอง

 ตรงหัวมุมตลาดเก่ามีร้านSin Seng Num ข้าวมันไก่ หมี่ผัด ก๋วยเตี๋ยว สลัดแขก เก่าแก่ คนเยอะมาก


ร้านนี้พูดจีน กับมาเลย์ สองภาษา ถ้าจะสั่งแล้วไม่รู้เรื่องจริง 
เห็นโต๊ะไหนน่ากิน ชี้เอาเลยก็ได้ครับ เค้าไม่ว่าอะไร
Rotti Kaya เป็นขนมปังปิ้งใส้สังขยา
ทีแรกนึกว่าเป็น โรตีแบบบ้านเรา

ข้าวมันไก่ ไก่ที่มาเป็นไก่อบ จะสั่งไก่ต้มด้วย คนขายบอกว่า "Finish already" แปลว่า หมดแล้ว
ยังไม่ทันเที่ยงเลย จะขายดีไปไหน

เดินผ่านข้างร้านข้าวมันไก่ จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำ มองไปทางขวาจะเห็น มัสยิตจาแมะ 
วันนี้แม่น้ำเป็นสองสีด้วยเพราะว่าฝนตกเมื่อคืน


เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงจตุรัสเมดิก้า หรือลานประกาศเอกราชของมาเลเซีย จะเจอกับเสาร์ธงที่เคยสูงที่สุดในโลก 


ข้างซ้ายมือ จะมี National Art Gallery เข้าชมฟรี 
ข้างในมีแบบจำลอง อาคารต่างๆ ในบริเวณนี้ และยังมีข้อมูลการท่องเที่ยวและแผนที่แจกฟรีอีกด้วย 


ไม่ว่าอยู่ตรงไหนของจตุรัสนี้ จะมองเห็นอาคาร Sulatan Samad 
อาคาร Sulatan Samad

หลังจากถ่ายรูปหน้าอาคาร Sulatan Samad แล้วเดินตามถนนมาเรื่อยๆ แล้วข้ามสะพาน จะพบกับ อาคาร High court ให้เลี้ยวขวาตรงมุมตึก เดินตามทางรถไฟฟ้ามาเรื่อยๆ ก็จะถึงมัสยิตจาแมะ 
มัสยิตจาแมะ  Musjit Jamek.

ข้างๆ มัสยิตจาแมะ จะเป็นรถไฟฟ้ากสถานี Musjid Jamek 


ต่อไปที่จะไปเที่ยวกันต่อก็คือ ถ้ำบาตู Batu Cave.
จากสถานี Musjid Jamek  ซื้อตั๋วไปลง สถานี Bandaraya แล้วเดินข้ามสะพานไป สถานี Bank Negara.
พอดีวันนี้เป็นวันศุกร์ คนมาเลย์มาละมาดกันล้นออกมาถึงหน้าสถานีกันเลยทีเดียว


สะพานเชื่อมระหว่างสถานี Bandaraya และ สถานี Bank Negara

จากสถานี Bank Negara นั่งรถไฟสาย Sentul ที่ไปสุดสายที่ Batu Cave.ที่ชานชลาจะมี 2 สี สีน้ำเงินกับสีแดง ให้นั่งรอที่ชานชลาสีแดง ซึ่งจะไป Batu Cave.




เมื่อมาถึงถ้ำบาตู ที่สถิตของพระนาราย จะพบกับรูปปั้นของลิงสีเขียว 
 ผมเข้าใจว่าเป็นหนุมาน แต่ตอนเด็กๆ ที่เรียนมาหนุมานตัวสีขาวก็เลยไม่ค่อยแน่ใจ

 เห็นบันไดแล้วปม่ผมแมบจะรออยู่ข้างล่างเลยทีเดียว
แต่ด้วยความที่ไม่เสียค่าเข้า แม่เลยยอมเดินขึ้นไป

พราหม์เดินเอานมขึ้นไปทำพิธี

เดินมาได้หน่อยนึงละ

ขึ้นมาถึงพราหม์ที่เดินแซงมาก็เริ่มทำพิธีพอดีเลย เป็นศิริมงคลมาก

ข้างๆ มีทางแยก บอกว่า Dark cave เลยลองไปดูหน่อย

เจอค่าเข้าถ้า 350 บาท ตัดสินใจกลับกันเลยดีกว่า

ประมาณ 5 โมงเย็น เดินทางกลับจากสถานี Batu Cave กลับไปหาข้าวกินที่ ห้าง Time square 
จากนั้นเดินดูของนิดหน่อย เป็นอันหมดวัน


ต่อตอน 2 นะครับ